แก้ไขการฉีดสารแปลกปลอม

ขนาดของอวัยวะเพศที่เล็กเป็นปมด้อยของผู้ชายบางคนทำให้เกิดความกังวลใจใน เรื่องขนาดในวัยที่มีกิจกรรมทางเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉีดสารแปลกปลอมมักทำในช่วงแรกๆที่มีประสบการณ์ทางเพศ เนื่องจากความเชื่อว่าขนาดของอวัยวะเพศมีผลต่อความสุขของเพศตรงข้าม ด้วยความคิดเพียงชั่ววูบแต่ผลตามมาเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นปัญหาเรื้อรังไม่สามารถแก้ไขให้หายเป็นปกติได้เหมือนเดิมก่อนการฉีด การฉีดสารแปลกปลอมมักทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะไม่ต้องผ่าตัดไม่มีแผลและสารที่ฉีดสามารถหาซื้อได้ง่ายโดยทั่วไปในคนไทยนิยมฉีดน้ำมันมะกอกหรือเพนนิ ซิลินมากที่สุด น้ำมันมะกอกที่ขายในตลาดไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ เพราะไม่ได้ผลิตมาเพื่อฉีดเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นถ้าฉีดเข้าไปมากจะเกิดการติดเชื้อ แตกเป็นแผลที่อวัยวะเพศ หรือมีอาการบวมแดง โดยรอบอวัยวะเพศได้ ถ้าอาการอักเสบลุกลามไปทั่ว อาจมีผลให้มีเนื้อตายอย่างกว้างขวางในคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคเบาหวาน อาจมีการอักเสบลุกลามมาก จนต้องตัดอวัยวะเพศได้ สำหรับการใช้เพนนิซิลิน มักมีปฎิกิริยาน้อยกว่าน้ำมันมะกอก ตัวยาเพนนิซิลีนมักรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ทำให้สามารถผ่าตัดเอาออกได้ง่าย

สำหรับผลของการฉีดสารแปลกปลอมที่มีตามมา อาจสรุปได้ดังนี้

1. การอักเสบและติดเชื้อ

ก. อาจเกิดขึ้นทันที โดยมีอาการบวมแดงไปทั่ว การรักษาทำโดยใช้ยาแก้อักเสบฉีดหรือกิน อาการมักจะดีขึ้นได้ ถ้าการอักเสบมีไม่มาก

ข. เกิดขึ้นภายหลัง มักเกิดจากการที่ผิวหนังที่หนาผิดปกติและไม่ยืดหยุ่น เมื่อเสียดสีกับช่องคลอดอาจเกิดการถลอกเป็นแผลตามมาโดยที่อาจลุกลามเป็นแผล ลึกและหายช้า เนื่องจากผิวหนังที่ฉีดน้ำมันมะกอกมีเลือดมาเลี้ยงน้อย แผลถลอกหรือแผลลึกจะใช้เวลานานมากกว่าแผลจะหาย ระหว่างที่เป็นแผลควรงดการร่วมเพศ และต้องทำแผลทุกวันทำให้มีปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวันและอาจมีปัญหาในครอบครัวตามมาเพราะไม่สามารถมีกิจกรรมทางเพศเป็นเวลานาน

ค. การเกิดแผลเรื้อรังเป็นเวลานานมาก จะเปลี่ยนเป็นมะเร็งได้

2. เกิดพังผืดแข็งโดยรอบอวัยวะเพศ

ทำให้ผิวหนังรอบอวัยวะเพศหนาตัวและแข็งขึ้นไม่นิ่มเหมือนผิวหนังเดิมขาดความ ยืดหยุ่น แม้อวัยวะเพศมีขนาดใหญ่แต่จะขาดความยืดหยุ่นและมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ไม่สามารถยืดขยายได้ เช่นอวัยวะเพศเดิม บางครั้งถ้าใหญ่มากก็จะไม่สามารถสอดใส่ในช่องคลอดผู้หญิงปกติได้ การที่ความยืดหยุ่นลดลงทำให้ขณะที่แข็งตัวความยาวอาจลดลงได้

3. ความสึกทางเพศลดลง

เนื่องจากผิวหนังที่เปลี่ยนไปจากผิวหนังที่นิ่มและยืดหยุ่นเป็นก้อนหนาแต่ขาดความรู้สึก

4. ฝ่ายหญิงมักจะเจ็บมากในการร่วมเพศ

บางครั้งไม่ใช่เพราะความใหญ่ที่เพิ่มแต่เป็นเพราะความแข็งของก้อน สิ่งแปลกปลอม

5. สารที่ฉีดอาจไหลไปที่หัวเหน่าและถุงอัณฑะ

ทำให้คลำได้ก้อนแข็งๆ รอบอวัยวะเพศ

6. การใช้ชีวิตในสังคม

การที่มีอวัยวะเพศรูปร่างประหลาด เวลาไปยืนปัสสาวะในห้องน้ำสาธารณะก็ต้องระมัดระวังหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครเห็น

7. เกิดความเจ็บปวดในการร่วมเพศขณะที่แข็งตัว

ถึงแม้อวัยวะเพศจะใหญ่แต่จะขาดความยืดหยุ่นไม่สามารถขยับผิวหนังขึ้นลงได้ อิสระ ทำให้มีความตึงของผิวหนังเวลาแข็งตัว การเสียดสีเวลามีเพศสัมพันธ์ ในผิวหนังแบบนี้ก็เกิดแผลถลอกได้ง่ายทำให้เกิดความเจ็บปวดทุกครั้งที่ร่วมเพศ

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้คนที่ฉีดสารแปลกปลอมมีปัญหากับอวัยวะเพศมากกว่ามีประโยชน์ ในการเพิ่มความสุขทางเพศ และต้องการ การแก้ไขการฉีดสารแปลกปลอมใช้เวลาเพียง 5 -10 นาที แต่การแก้ไขต้องใช้เวลาผ่าตัดนาน บางครั้งต้องผ่าตัดหลายครั้งและถึงอย่างไรก็ไม่สามารถตัดเอาสิ่งแปลกปลอมออก ได้หมด เพราะสารเหล่านั้นกระจายออกไปที่ผิวหนังในทุกระดับและมีบ่อยครั้งจะกระจายไป ที่ถุงอัณฑะและหัวเหน่าด้วย

เทคนิคการผ่าตัด

การผ่าตัดขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายที่ต้องการเอาสิ่งแปลกปลอมออกมากน้อยแค่ ไหนและขึ้นอยู่กับปริมาณสารที่ฉีดว่า ฉีดไว้มากแค่ไหนถ้าฉีดไว้มากก็มักมีปัญหาในการเลือกเทคนิคการผ่าตัดมากกว่า คนที่ฉีดไว้น้อย โดยในคนที่ฉีดไว้มากๆ จะต้องตัดผิวหนังออกทั้งหมดจะตัดบางส่วนไม่ได้ และถ้ามีสารที่ไหลไปในถุงอัณฑะก็จะมีปัญหาในการหาผิวหนังที่มาปิดแผลอีก เทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดอาจแบ่งเป็นเทคนิคการผ่าตัดสารแปลกปลอมออกจากอวัยวะ เพศและเทคนิคการปิดแผล

เทคนิคที่ 1 การตัดผิวหนังออกบางส่วนและตัดสาร แปลกปลอมที่อยู่ใต้ผิวหนังบางส่วน [PARITAL EXCISION] ในคนที่ฉีดสารแปลกปลอมไม่มากโดยฉีดบริเวณปลายหนังหุ้มเป็นส่วนใหญ่สามารถตัด ผิวหนังส่วนปลายและเข้าไปตัดที่สารแปลกปลอมได้ ผิวหนังที่โคนอวัยวะเพศได้ ลักษณะการผ่าตัดเหมือนกับการขลิบหนังหุ้มอวัยวะเพศและเข้าไปคว้านส่วนที่ เหลือใต้ผิวหนังบางส่วน

เทคนิคนี้ใช้ได้เฉพาะกรณีที่ฉีดน้อยและไม่ไดฉีดในชั้นตื้นๆเท่านั้นถ้าทำ ได้ก็อาจเป็นเทคนิคที่ดีที่สุดเพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของผิวหนังไป จากเดิมมากและไม่ต้องเอาเนื้อเยื่อที่อื่นมาเติมแต่ในทางปฎิบัติมีคนจำนวน น้อยที่ใช้เทคนิคนี้ได้ เพราะมักจะฉีดมาในปริมาณที่มาก [รูปที่ 1] ข้อดีคือ รูปร่างหน้าตาหลังผ่าตัดที่ออกมาเหมือนอวัยวะเพศเดิม เพราะผิวหนังเป็นผิวหนังเดิมแต่ข้อเสีย คือ ถ้ายังมีสิ่งแปลกปลอมตกค้างอยู่อาจจะเกิดปัญหาเรื่องแผลภายหลังทำให้ต้องผ่า ตัดแก้ไขใหม่อีกรอบหนึ่งได้

เทคนิคที่ 2 การตัดผิวหนังออกทั้งหมด [TOTAL EXCISION] เป็นเทคนิคมาตรฐานโดยการตัดผิวหนังตั้งแต่โคนอวัยวะเพศจนถึงปลาย [รูปที่ 1] อวัยวะเพศออกหมด ส่วนของแผลที่เกิดถ้าจะต้องหาผิวหนังเข้ามาปิด วิธีการตัดออกทั้งหมดก็เป็นวิธีมาตรฐาน เพราะสารแปลกปลอมกระจายไปทั่วทุกชิ้นของผิวหนัง การตัดออกทั้งหมดเป็นวิธีการเดียวที่จะเอาสิ่งแปลกปลอมออกได้มากที่สุด ผิวหนังที่นำมาปิดใหม่ควรต้องเลือกผิวหนังที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอมมากโดยที่ผิว หนังที่เปิดใหม่เป็นผิวหนังปกติ ก็จะมีความยืดหยุ่นกว่าเดิมทำให้แก้ปัญหาดังกล่าวได้ดีที่สุด เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่เป็นมาตรฐานเพราะแก้ปัญหาได้เบ็ดเสร็จแค่ต้องใช้เวลา ผ่าตัดนานและอาจต้องผ่าตัด 2 ครั้ง

หลังการตัดผิวหนัง จะต้องหาผิวหนังเอามาปิดแผล วิธีการนำผิวหนังที่มาใช้ปิดแผลได้แบ่งออกเป็น

2A. การปลูกถ่ายผิวหนัง [GRAFT] ผิว หนังที่นำมาปลูกถ่ายอาจเป็นผิวหนังที่หน้าท้อง ต้นขา หรือขาหนีบ ถ้าใช้ผิวหนังไม่มาก ข้อดีในการใช้ผิวหนังแบบนี้คือ รูปร่างของผิงหนังเป็นผิวเรียบเหมือนอวัยวะเพศแต่เทคนิคนี้จะมีปัญหาของความ ยืดหยุ่นขณะที่แข็งตัวเพราะกราฟจะยืดขยายได้น้อย

2B. ใช้ผิวหนังจากถุงอัณฑะ [SCROTAL FLAB] เป็นเทคนิคที่ถือเป็นมาตรฐาน คือใช้ผิวหนังจากรูปอัณฑะมาปิด ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นมากใช้งานได้ดีมากเพราะผิวหนัง บริเวณนี้สามารถยืดขยายได้มากไม่มีปัญหาเวลาแข็งตัว แต่ข้อเสียคือรูปร่างจะมีรอยย่นของถุงอัณฑะและมีขนขึ้นมาบริเวณผิวหนังที่มี ข้อแตกต่างจากอวัยวะเพศเดิมการผ่าตัดทำได้ 2 วิธี

2B/1.ทำครั้งเดียว [1 STAGE] คือ ตัดสิ่งแปลกปลอมออกแล้วปิดแผลเลย วิธีนี้มีความเสี่ยงเรื่องเนื้อตาย แต่ถ้าทำได้ก็จะประหยัดเวลาเพราะผ่าตัดครั้งเดียว

2B/2. ทำ 2 ครั้ง [2 STAGES] เป็น วิธีการมาตรฐานคือหลังจากตัดสิ่งแปลกปลอมและซุกอวัยวะเพศในถุงอัณฑะก่อน ระยะหนึ่ง และนัดมายกอวัยวะเพศออกจากถุงอัณฑะภายหลัง วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดเพราะมีปัญหาเรื่องเนื้อตายน้อย แต่ต้องผ่าตัด 2 ครั้ง

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  1. เตรียมหยุดงานอย่างน้อย 10 – 14 วัน เพราะแผลหายช้าอาจต้องลางาน 3 – 4 อาทิตย์
  2. งดน้ำและอาหาร 6 – 8 ชม. ก่อนการผ่าตัด
  3. งดยาต้านการอักเสบ [NSAID] เช่นแอสไพริน อาหารเสริมบางตัว ที่มีผลต่อการแข็งตัว
    ของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
  4. กรณีที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  5. ทำความสะอาดและโกนขนอวัยวะเพศก่อนมาผ่าตัด
  6. เตรียมกางเกงชั้นในหลวมๆสำหรับใส่หลังผ่าตัด ควรเลือกกางเกงในสีเข้ม เช่น ดำ น้ำเงิน น้ำตาล เพราะน้ำเหลืองจากแผลจะเลอะกางเกงในเห็นได้ชัด
  7. เตรียมอุปกรณ์ทำแผล ได้แก่
    A. น้ำเกลือล้างแผล
    B. เบต้าดีน [ห้ามใช้ทิงเจอร์ไอโอดีน หรือแอลกอฮอลล์] C. ผ้าก๊อส
    D. ไม้พันสำลี
    E. พลาสเตอร์ปิดแผล
    F. ก๊อสกันติดแผลอาจใช้ Sofa Tulle หรือ Ergotulle
  8. ไปถึงโรงพยาบาลก่อนผ่าตัดประมาณ 4 – 5 ช.ม.
  9. ควรตัดสินใจเลือกเทคนิคที่ใช้ก่อนวันผ่าตัด
  10. อาบน้ำเช้าวันผ่าตัดเพราะจะอาบน้ำไม่ได้หลายวัน

ขั้นตอนการผ่าตัด

การผ่าตัดไม่ว่าจะใช้เทคนิคใดก็ทำโดยการดมยาสลบจึงต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ช.ม. ก่อนการผ่าตัด

  1. ตัดผิวหนังส่วนที่ฉีดสารแปลกปลอมออก
  2. ถ้าใช้เทคนิคที่ 1 สามารถเย็บปิดแผลได้เลย
  3. ถ้าใช้เทคนิคที่ 2 ต้องตัดผิวหนังจนถึงโคนอวัยวะเพศ
  4. ถ้าใช้เทคนิคที่ 2 เปิดแผลบริเวณถุงอัณฑะแล้วยกผิวหนังของถุงอัณฑะมาปิดแผลแล้วเย็บปิดแผลผิวหนังด้วยไหมละลาย

การดูแลหลังการผ่าตัด

  1. ทำแผลวันละ 2 ครั้งเพราะมักมีน้ำเหลืองออกมากๆ
  2. แผลหายช้าอาจให้พักที่โรงพยาบาล 2 วัน แล้วกลับบ้าน แต่ต้องทำแผลที่บ้านต่อทุกวัน
  3. งดทำงานหนัก 10 – 20 วัน
  4. งดร่วมเพศ 4 อาทิตย์
  5. แผลอาจมีเลือดออกบ้างเป็นปกติถ้ามีเลือดออกมากให้รีบติดต่อแพทย์ทันที
  6. อาจเกิดเนื้อตายบางตำแหน่งของขอบแผล อาจต้องตัดออกแล้วเย็บแผลใหม่ [ฉีดยาชา]
  7. ถ้าทำเป็น 2 ระยะต้องนัดมาผ่าตัดใหม่อีกครั้ง หลังจากแผลหาย 2 – 3 เดือน
  8. แพทย์จะนัดมาดูแผลทุกอาทิตย์จนกว่าแผลจะหาย