การขลิบหนังหุ้มปลายแบบซ่อนแผลเป็น

การขลิบหนังหุ้มปลาย เป็นการผ่าตัดเพื่อเปิดหัวอวัยวะเพศ มีการทำใน 2 ช่วงเวลาคือ

1. ในเด็กเล็ก มักทำตั้งแต่แรกเกิด แต่ในบางกรณีก็ทำในเด็กเล็ก เช่น ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม
2. ในผู้ใหญ่ เป็นการขลิบหนังหุ้มปลาย อาจมีการทำในเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ ด้วยเหตุผลของสุขภาพและการรักษาความสะอาด

แม้ว่าการผ่าตัดขลิบหนังในเด็กเล็ก และผู้ใหญ่ จะใช้เทคนิคที่ใกล้เคียงกัน แต่ผลของการผ่าตัดและแผลผ่าตัดในเด็กแผลจะดูดีและมองไม่เห็นแผลเป็นเมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ และเมื่อมีการแข็งตัวอวัยวะเพศ รูปร่างของอวัยวะเพศ  และความยืดหยุ่นของแผลก็จะดีกว่าแผลผ่าตัดในผู้ใหญ่ การขลิบหนังหุ้มปลายในผู้ใหญ่มักจะทำผ่าตัดโดยใช้เทคนิคปกติ  จะทำการเย็บแผลได้ไม่ดีมากนัก และไม่ได้ให้ความสนใจและระมัดระวังเป็นพิเศษในการดูแลแผลผ่าตัด ทำให้ในบางคนเห็นแผลเป็นชัดและรูปร่างแผลเป็นไม่สวยงาม เวลาแข็งตัวอาจตึงเกินไป และมองเห็นความไม่เรียบร้อยของแผลได้ชัด

นอกจากนั้นแล้ว แผลผ่าตัดที่หนังหุ้มปลายในผู้ใหญ่ จะมองเห็นรอยต่อผิวหนัง บริเวณเนื้อเยื่ออ่อน และผิวหนังด้านนอกด้านข้างชัดเจน เนื่องจากผิวหนังทั้งสองส่วนนี้มีลักษณะแตกต่างกันมาก โดยที่ผิวด้านในจะบางกว่าและมีสีอ่อนกว่า แต่ผิวหนังด้านนอกจะมีสีเข้ม หนาและหยาบกว่า เมื่อนำมาเย็บต่อกัน ก็จะเห็นรอยต่อของผิวหนัง 2 ส่วนที่ต่อกันชัดเจน  เมื่อเปรียบเทียบกับแผลเป็น ในเด็ก ที่ขลิบหนังแล้ว  ในวัยเด็กแล้วโตเป็นผู้ใหญ่ ในกลุ่มที่ทำผ่าตัดตั้งแต่เด็ก รอยต่อก็จะเรียบเนียนเสมอกัน และเห็นรอยต่อไม่ชัดเจน ดูเป็นธรรมชาติ มากกว่าในเวลาแข็งตัวแผลจะมีความตึงน้อยกว่า

การขลิบหนังในผู้ใหญ่ เป็นการผ่าตัดที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิดถึงผล การผ่าตัดเนื่องจากไม่ทราบว่าหลังการผ่าตัดจะมีรูปร่างอย่างไร และเวลาทำการผ่าตัด มักจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องรายละเอียดการเย็บแผล การจัดวางตำแหน่งแผลเป็น และไม่ได้เลือกขนาดของหรือวัสดุเย็บแผลที่ดีมาก

แผลเป็นจากการขลิบหนังในผู้ใหญ่ มักเป็นแผลเป็นไม่สวยงาม และแก้ไขได้ยาก มีผลต่อด้านจิตใจและความมั่นใจได้ การขาดความยืดหยุ่นของหนังหุ้มปลาย ทำให้การเลื่อนเข้า –ออกเพื่อยืดอวัยวะเพศขณะแข็งตัวและอ่อนตัวทำได้ไม่เหมือนเดิม ก่อนการผ่าตัด เนื่องจากหนังหุ้มปลายถ้ามีแผลเป็นที่แข็งและขาดความยืดหยุ่น ก็จะทำให้การเลื่อนเข้า-ออก ยากกว่าผิวหนังที่ไม่มีแผลเป็น อย่างไรก็ตามผลของการผ่าตัด มักจะแตกต่างกันมากในแต่ละคนในเรื่องรูปร่าง รูปทรงของอวัยวะเพศและความสวยงามของแผล

โดยทั่วไปหลังการผ่าตัด มักจะไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องการดูแลแผล ทำให้ระยะยาวมีแผลเป็นจากปมไหม, แผลติดเชื้อ , หรือแผลแยก ส่งผลให้แผลผ่าตัดได้ผลไม่ดีและเมื่อแผลหายสนิทดีแล้ว รูปร่างก็จะดูไม่สวยงาม และใช้งานเมื่อร่วมเพศได้ไม่ดีในช่วงแรก

เทคนิคในการผ่าตัดขลิบหนังหุ้มปลายแบบใหม่นี้ เป็นวิธีการผ่าตัดแบบซ่อนแผลเป็นใช้ที่โคนอวัยวะเพศทำให้สามารถเย็บแผลได้ดีขึ้น และแผลเป็นจะเห็นชัดน้อยลงมาก และเป็นตำแหน่งที่เย็บแผลชั้นในได้ด้วย หลังผ่าตัด 2-3 เดือน เมื่อมีขนขึ้นที่อวัยวะเพศก็จะสามารถบดบังแผลเป็นได้หมด ทำให้ไม่เห็นแผลเป็นที่หนังหุ้มปลาย  การไม่มีแผลเป็นที่หนังหุ้มปลายทำให้ มีการปวดขณะแข็งตัวน้อยลงมาก เนื่องจากเวลาแข็งตัว ตำแหน่งที่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศจะเป็นตำแหน่งที่ตึงที่สุด ซึ่งถ้ามีแผลเป็นบริเวณนี้ก็จะปวดมาก การทำแผลในเทคนิคใหม่อาจดูแลได้ดีกว่าเพราะแผลปนเปื้อนกับปัสสาวะได้น้อยกว่าแผลที่ปลายอวัยวะเพศ  โดยทั่วไปคนจะสามารถเลือกความตึงของหนังหุ้มปลายเวลาแข็งตัวโดยการลองวัดความยาวคร่าวๆของผิวหนังที่ต้องการ ทำให้เราสามารถประมาณความตึงที่ต้องการได้จึงมีโอกาสที่จะพอใจกับผลการผ่าตัดได้มากกว่า

นอกจากนั้นแล้ว ในคนที่ผ่าตัดผิวหนังออกไม่มาก อาจจะสามารถมี Gliding Mechanism แบบปกติได้หลังการผ่าตัด ซึ่งทำให้กลไกลการร่วมเพศเหมือนกับก่อนการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การลงแผลที่โคนอวัยวะเพศอาจทำให้รู้สึกมีหนังหุ้มปลายเหลืออยู่ จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการขลิบหนังหุ้มปลายแบบสูงหรือต้องการตึงมาก

การผ่าตัดหนังหุ้มปลาย แบบใหม่ไม่ได้เป็นการเพิ่มหรือขยายขนาด การผ่าตัดเป็นการผ่าตัดเนื้อ เปลี่ยนรูปร่างของหนังหุ้มปลายให้ดูดีขึ้น และทำความสะอาดง่ายขึ้นอย่างไรก็ตามในคนที่ต้องการให้ขนาดใหญ่ขึ้นอาจเก็บ ชั้นล่างของผิวหนังส่วนล่าง ที่ปกติต้องตัดออกไว้ แล้วย้ายขอบผิวหนังที่ไม่ไว้ตัดมาทับซ้อน ก็จะช่วยเพิ่มขนาดได้เล็กน้อย เฉพาะส่วนที่เป็นโคนอวัยวะเพศ

เนื่องจากการผ่าตัดแบบนี้ ไม่ได้ลงแผลที่หนังหุ้มปลาย  ดังนั้นในบางคนที่มีเส้นสองสลึงตึงมากอาจต้องผ่าตัดยืดเลยเส้นสองสลึง พร้อมกันโดยลงแผลขนาดเล็กๆ  บริเวณเส้นสองสลึงที่อยู่ใต้ส่วนปลายของท่อปัสสาวะ เพื่อลดความตึงของเส้นสองสลึง

ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัด

  1. คนไข้ที่เหมาะกับการผ่าตัดแบบนี้  คือผู้ใหญ่มีความสนใจเรื่องรูปร่าง และต้องการหลีกเลี่ยงแผลเป็นที่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เพื่อลดความเจ็บปวดที่ปลายอวัยวะเพศเวลาแข็งตัว
  2. มีสุขภาพแข็งแรง
  3. ไม่มีปัญหาเรื่องภาวะหนังหุ้มปลายตีบ (PHIMOSIS) หรือ PARAPHIMOSIS กล่าวคือ สามารถรูดหนังหุ้มปลายเข้า-ออกได้โดยไม่ติดขัด
  4. ภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และภูมิต้านทานผิดปกติ
  5. ไม่มีปัญหาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่นหูดหงอนไก่ ,เริม ฯ

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  1. ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร ถ้าผ่าตัดโดยการฉีดยาชา
  2. การผ่าตัดทำโดยการดมยาสลบ แต่ในบางคนสามารถทำผ่าตัดโดยฉีดยาชาได้
  3. งดยาต้านการอักเสบ [NSAID] เช่นแอสไพริน อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดเช่นกระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
  4. กรณีที่มีโรคประจำตัว เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  5. ทำความสะอาดและโกนขนอวัยวะเพศก่อนมาผ่าตัดควรเลือกกางเกงในสีเข้ม เช่น ดำ ,น้ำเงิน ,น้ำตาล เพราะน้ำเหลืองจากแผลจะเปื้อนกางเกงในเห็นได้ชัด
  6. เตรียมกางเกงชั้นในหลวมๆสำหรับใส่หลังการผ่าตัด
  7. เตรียมอุปกรณ์ทำแผลได้แก่
    a. น้ำเกลือล้างแผล
    b. เบตาดีน (ห้ามใช้ทินเจอร์ ไอโอดีน หรือแอลกอฮอลล์)
    c. ผ้าก๊อส
    d. ไม้พันสำลี
    e. พลาสเตอร์ปิดแผล
    f. กอสกันติดแผล อาจใช้ Sofatulle หรือ ER gotulle
  8. เตรียมตัวหยุดงานประมาณ 2 วัน

ขั้นตอนการผ่าตัด

  1. แนะนำให้โกนขนอวัยวะเพศ ก่อนผ่าตัดเพราะหลังผ่าตัดต้องมีการปิดแผลผ่าตัด รอบๆด้วยผ้าก๊อสและปิดพลาสเตอร์ ถ้ามีขนอวัยวะเพศจะทำให้การติดพลาสเตอร์ทำได้ยาก และเวลาแกะพลาสเตอร์ก็อาจติดบริเวณขนทำให้เจ็บมากเวลาเปิดทำแผล
  2. การผ่าตัดทำโดยการฉีดยาชาที่โคนอวัยวะเพศ หรือดมยาสลบ
  3. ตัดผิวหนังส่วนเกินตามที่ต้องการ โดยเหลือความตึงตามที่ตกลงไว้ตั้งแต่ก่อนผ่าตัด
  4. หยุดเลือดที่เนื้อเยื่อด้านในของแผล
  5. เย็บปิดแผลโดยใช้ไหมขนาดเล็ก
  6. หลังจากเย็บแผลที่โคนอวัยวะเพศแล้ว เส้นสองสลึงดูตึงมากแพทย์จะผ่าตัดยึดเส้นสองสลึงและเย็บปิดแผล โดยใช้ไหมละลายขนาดเล็ก

การดูแลหลังการผ่าตัด

  1. หลังผ่าตัดควรใส่กางเกงในหลวมๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าก๊อดหลุดออก
  2. ปกติแผลจะหายประมาณ 2 อาทิตย์ หลัง 2 อาทิตย์สามารถร่วมเพศได้
  3. ทำแผลทุกวัน วันละ 1 ครั้ง หรือ 2 วันครั้งจนกว่าสะเก็ดที่แผลหลุดออกโดยเอาผ้าก๊อสเดิมออก ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือเช็ดคราบสกปรกออกแล้วทาเบตาดีน แล้วปิดแผลด้วยก๊อสป้องกันการติดแผล [SOFATULLE]เวลาแกะผ้าพันแผลครั้งต่อไปก็จะไม่เจ็บ
  4. ใน 24 ชั่วโมงแรกถ้ามีเลือดออกให้ใช้ผ้าก๊อสพันแผลและกดตำแหน่งที่มีเลือดออกไว้ 10 นาทีหรือจนกว่าเลือดจะหยุด
  5. ในวันแรกหลังผ่าตัดอาจใช้แผ่นประคบเย็นหรือน้ำแข็งประคบบริเวณแผล (ทุก 20 นาที) เพื่อลดอาการบวมและอาการปวด
  6. ในบางคนถ้าไม่ต้องการให้แผลถูกน้ำเพราะอาจจะเจ็บแผลได้ อาจใช้การเช็ดตัวแทน
  7. ระวังเวลาปัสสาวะ อย่าให้ถูกผ้าก๊อสพันแผล ถ้าผ้าพันแผลเปื้อนปัสสาวะให้เปลี่ยนได้ทันที
  8. หลีกเลี่ยงการดูภาพยนตร์หรือหนังสือที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศและทำให้เกิดการแข็งตัว เพราะจะทำให้เจ็บแผลผ่าตัดได้มาก
  9. ยาแก้ปวดทานได้ทุก 4 ชั่วโมง
  10. งดการร่วมเพศจนกว่าแผลจะหายสนิท
  11. โดยทั่วไปจะตัดไหมประมาณ 5 วัน ตรงบริเวณเส้นสองสลึงไม่ต้องตัดไหมเพราะเป็นไหมละลาย