ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย

ตามปกติแล้วเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น หนังหุ้มปลายควรที่จะสามารถรูดจนเผยให้เห็นถึงบริเวณหัวของอวัยวะเพศได้ทั้ง หมดและสามารถรูดกลับได้โดยที่ไม่เจ็บหรือเกิดความยากลำบาก หากไม่สามารถรูดเปิดออกได้ทั้งหมด ก็จะทำให้ไม่สามารถล้างสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ตามใต้หนัง อันประกอบด้วยเหงื่อ คราบปัสสาวะ ขี้ไคลทำให้เกิดคราบขาวๆ ที่เราเรียกว่าขี้เปียก เกิดขึ้นการที่เราสามารถรูดหนังลงมาได้ก็เนื่องจากกลไกในการเจริญเติบโตของ ร่างกายซึ่งเกิดจากการเพิ่มขนาดแกนกลางของอวัยวะเพศในขณะที่เข้าสู่วัยรุ่น แต่ในบางคนที่หนังบริเวณนี้ตีบแคบมากแม้จะพยายามรูดลงอย่างไรก็ไม่สามารถจะ เอาลงมาได้ และถ้าทำรุนแรงมากก็จะทำให้เจ็บจนเลือดออก แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม

ปัญหาของภาวะหนังหุ้มปลายตีบ [PHIMOSIS]

ในผู้ใหญ่บางคนตีบมากจนถึงขนาดไม่สามารถรูดเปิดได้แม้การแข็งตัวเป็นปัญหา ที่พาคนกลุ่มหนึ่งพบแพทย์เนื่องจาก

  1. เกิดความไม่สะดวกในการมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากบริเวณส่วนหัวซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้เส้นประสาทมากที่สุดไม่สามารถ เปิดรับความรู้สึกได้เต็มที่
  2. กลิ่นและคราบสกปรกสะสมก็ทำให้สาวเกิดอุปสรรคของการร่วมเพศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีกิจกรรมทางเพศแบบอื่นเช่นการทำออรัลเซ็กส์
  3. ในบางครั้งก็ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากเกิดขึ้นได้ [INFERTILE] เนื่องจากรูที่ตีบมากเกินไป ทำให้การหลั่งน้ำอสุจิออกมาแต่ละครั้งไม่สามารถไปถึงปลายช่องคลอดของผู้หญิง ได้ง่ายและรูที่ตีบยังทำให้เกิดความลำบากในการปัสสาวะได้อีกด้วย

ถ้าหนังหุ้มปลายตีบมากๆในบางครั้งเมื่อมีการใช้งานอย่างหักโหมเช่นช่วย ตัวเองหรือมีเพศสัมพันธ์อย่างรุนแรงในบางคนแม้จะฝืนรูดกลับลงมาได้แล้ว แต่กลับไม่สามารถรูดคืนได้ อาจจะเกิดการรัดคอบริเวณลำของอวัยวะเพศทำให้เกิดอาการบวมและเจ็บปวดทำให้ ต้องมาพบแพทย์เพื่อทำการแก้ไขโดยด่วนเรียก PARAPHIMOSIS

จึงเห็นได้ว่าหนังหุ้มปลายที่ตีบแคบมากนั้นถ้าหากเราดูแลได้ไม่ดี ก็จะก่อปัญหาได้อย่างมาก ยังไม่รวมถึงเป็นแหล่งก่อโรคต่างๆเช่นการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ , มะเร็งองคชาติ , มะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง ดังนั้นการขลิบหนังส่วนนี้ออกจะทำให้แก้ปัญหาเหล่านี้ได้ช่วยทั้งการดูแล สุขอนามัยได้สะดวกทำให้ไม่มีสิ่งหมักหมมหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดขลิปหนังหุ้มปลาย

  1. หนังหุ้มปลายตีบ [PHIMOSIS]
  2. ภาวะหนังหุ้มปลายอักเสบ [BALANITIS] เกิดจากการที่มีการสะสมของสิ่งสกปรกแล้วมีการติดเชื้อมีหนองบวมแดง ตามมา เวลาฉี่ก็จะแสบร้อน
  3. เย็บสองสลึงตึง [TIGHT FRENULUM] ซึ่งมันเป็นตัวยึดระหว่างบริเวณส่วนด้านล่างของหัวอวัยวะเพศกับหนังหุ้มบาง คนก็จะขาดเองถ้าช่วยตัวเองแรงๆ โดยทั่วๆไปเส้นสองสลึง มีในทุกคน แต่ในกรณีที่มีความตึงมากจนทำให้ขณะที่แข็งตัวมีความตึงและเจ็บปวดมากอาจทำ การตัดออกพร้อมกับการขลิบหนังหุ้มปลาย
  4. ตามหลักศาสนา
  5. ต้องการทำเอง เหตุผลเพื่อ ความสะอาด เพื่ออนามัย เพื่อความสะดวกในการดูแล

หน้าที่ของหนังหุ้มปลาย มีบางอย่างที่ควรทราบดังนี้

  1. ปกป้องส่วนปลายของอวัยวะเพศระหว่างที่มีการเจริญเติบโต
  2. ป้องกันหัวอวัยวะเพศ จากการปนเปื้อนของอุจจาระในเด็กเล็ก
  3. ป้องกันหัวอวัยวะเพศจากการเสียดสี หรือถลอกจากอุบัติเหตุเล็กน้อย
  4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้หัวอวัยวะเพศ การที่มีหนังหุ้มปลายจะทำให้ส่วนหัวอวัยวะเพศมีสารไขมันจากเซลล์ผิวหนังด้าน ในให้ความชุ่มชื้นตลอดเวลาที่ให้ส่วนหัวอวัยวะเพศมีความชื้น พร้อมกับมีการสร้างสารหล่อลื่นเหมือนผิวหนัง ของเยื่อบุอ่อน
  5. สารจากผิวหนังหุ้มปลายด้านในช่วยให้เป็นสารหล่อลื่นของหัวอวัยวะเพศ
  6. เป็นส่วนที่เพิ่มความยาวของอวัยวะเพศตอนแข็งตัว
  7. เป็นส่วนที่ใช้ในการช่วยตัวเองและการร่วมเพศ
  8. ลดการเสียดสีขณะที่มีเพศสัมพันธ์
  9. เป็นส่วนที่รับความรู้สึกทางเพศ เนื่องจากส่วนปลายเป็นตำแหน่งที่มีปลายประสาทรับความรู้สึกมาก
  10. เป็นตำแหน่งที่สัมพันธ์กับจีสปอร์ตในเพศหญิง

ถึงแม้ว่าหนังหุ้มปลายจะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าเป็นส่วนที่มีปัญหาต่อสุขภาพ หรือในบางครั้งทำให้เกิดอันตรายก็จำเป็นต้องทำการผ่าตัดออก

ข้อดีข้อเสียของการขลิบ

ข้อดี

  1. ลดอัตราการเกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ [URINARY TRACT INFECTION] ในเด็กเล็ก
  2. ลดอัตราการเกิดมะเร็งองคชาติ ลดอัตราการเกิดมะเร็ง 1 ต่อ 100,000
  3. ลดอัตราการติดเชื้อทางระบบสืบพันธ์ [SEXUAL TRANSMITTED DISEASE] บางชนิด เนื่องจากลดผิวหนังด้านในที่จะรับเชื้อ
  4. ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับหนังหุ้มปลาย เชิงภาวะ พาราไพโมซิส
  5. ป้องกันภาวะหนังหุ้มปลายตีบตัน
  6. ง่ายต่อการทำความสะอาดอวัยวะเพศ
  7. ลดอัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง การขลิบช่วยลดอัตราการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง

ข้อเสีย

  1. ผลแทรกซ้อนที่เกิดได้ทั่วไปในการผ่าตัด เช่นภาวะเลือดออกภาวะแผลติดเชื้อ
  2. ลดความรู้สึกบริเวณหัวอวัยวะเพศ หนังหุ้มปลาย จะป้องกันปลายอวัยวะเพสไม่ให้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกเช่นกางเกงใน เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ปลายอวัยวะเพศจะสัมผัสกับภายนอกได้เฉพาะเวลาแข็งตัวหรือมีความต้องการทางเพศ ส่วนหัวจึงโผล่ออกมาได้ หลังจากการขลิบส่วนหัวอวัยวะเพศจะเปิดตลอดเวลาทำให้สัมผัสถึงกางเกงใน เสื้อผ้า ,ผ้าเช็ดตัว ทำให้เกิดการลดลงของความไวต่อการสัมผัส [DESENSITIZE] ทำให้ความรู้สึกของส่วนหัวอวัยวะเพศลดลง เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน หลังจาก ขลิบหนังไปแล้ว
  3. โครงสร้างทางกายภาพของหัวอวัยวะเพศ [GLAN] เปลี่ยนไป ผนังด้านในของหนังหุ้มจะทำหน้าที่สร้างไขมันและสารหล่อลื่นปกคลุมหัวอวัยวะ เพศ ทำให้ส่วนหัวเป็นสีแดงหรือชมพูเหมือนกับเนื้อเยื่อในช่องปาก และมีความชื้นและความมันปกคลุม หลังการขลิบบริเวณหัวอวัยวะเพศ จะแห้งเนื่องจากไม่มีผิวหนังปกคลุม ผิวจะเปลี่ยนจากเนื้อเยื่ออ่อนเป็นลักษณะคล้ายเนื้อเยื่อที่ผิวหนังภายนอก มากขึ้น
  4. กลไกการร่วมเพศเปลี่ยนไป กลไกการร่วมเพศปกติการสอดใส่อวัยวะเข้าไปในช่องคลอดหรือการทำมาสเตอเบรชั่น จะมีกลไกการสไลด์ของหนังหุ้มปลาย มีการม้วนตัวขึ้นลงบนส่วนหัวอวัยวะเพศเรียกว่า GLIDING MECHANISM หลังการขลิบการร่วมเพศส่วนหัวของอวัยวะเพศจะมีการสัมผัสโดยตรงกับช่องคลอด ตลอดเวลาโดยไม่มีการม้วนเข้าออกของหนังหุ้มปลาย

ดูภาพกลไกการร่วมเพศของคนที่ไม่ขลิบดังนี้

จากที่กล่าวมาแล้วเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสรีระ ซึ่งไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญมากในการดำรงชีวิตในคนที่จำเป็นต้องผ่าตัด ก็อาจมองข้ามปัจจัยดังกล่าวไปได้

ข้อห้ามในการผ่าตัด

1. มีโรคประจำตัวที่ ทำให้เลือดหยุดยากเช่น HEMOPHILLIA
2. มีความปกติของรูเปิดของอวัยวะเพศเช่นอยู่ต่ำหรือสูงกว่าปกติ
3. ใช้ยาที่กดภูมิต้านทานเช่น สเตียรอยด์ ทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย

เทคนิคการผ่าตัด

เทคนิคการขลิบอาจแบ่งตามปริมาณผิวหนังที่เหลืออยู่หลังจากตัดออกคือถ้า ผ่าตัดออกมากก็จะตึงมาก ถ้าตัดออกน้อยผิวหนังที่เหลือก็จะคงอยู่มาก อาจจะไม่มีประโยชน์เท่าไร แต่ในบางคนก็พอใจกับการตัดออกเล็กน้อยเพราะจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ของอวัยวะเพศและกลไกของการร่วมเพศไปมาก การที่จะกำหนดว่าตัดมากน้อยแค่ไหน ต้องดูทั่วไปภาวะปกติและเวลาอวัยวะแข็งตัว โดยที่ภาวะปกติต้องสามารถปิดขอบบนได้หรือไม่ก็ตามแต่เวลาแข็งตัวต้องไม่ตึง มาก

เทคนิคการตัดอาจแยกอย่างคร่าวๆได้ดังนี้

1.การขลิบเล็กน้อย [MINIMAL] มีจุดมุ่งหมายเพื่อคงลักษณะทางกายภาพและกลไกการ
ร่วมเพศแบบเดิมได้และจะตัดเฉพาะหนังที่เกินจากปลายอวัยวะเพศ ทำให้คนที่มีหนังหุ้มปลายยาวมาก หรือปลายสุดแคบทำให้รูดเปิดอวัยวะเพศได้ยาก การผ่าตัดช่วยให้สามารถเปิด
หัวอวัยวะเพศทำความสะอาดง่ายขึ้น

2.การขลิบบางส่วน [PARTIAL] ตัดปลายออกบางส่วนจะเหลือ ผิวหนังปิดหัวอวัยวะเพศได้บางส่วนเวลาอ่อนตัวแต่เวลาแข็งตัวและจะไม่ปิดปลาย ท่อปัสสาวะ สามารถเปิดออกได้ทั้งหมด

3-4. การขลิบที่ไม่ตึงมาก [LOOSE] หลังการผ่าตัดส่วนหัว ของอวัยวะเพศจะเปิดออกหมดเวลาที่อ่อนตัวจะมีผิวหนังย่นๆอยู่บริเวณติดขอบ ของอวัยวะเพศ ยกเว้นเวลาที่อวัยวะเพศอ่อนตัวมากกว่าปกติเช่นอากาศเย็นมากๆอาจจะมีผิวหนัง คลุมขอบของอวัยวะเพศได้ ขณะที่แข็งตัวผิวหนังก็ยังไม่ตึงมากและสามารถขยับผิวหนังได้อีกบ้าง ข้อดีคือเวลาใส่กางเกงในว่ายน้ำหรือกางเกงในผิวหนังที่มาปิดอยู่ที่ขอบ ของอวัยวะเพศจะช่วยให้ไม่เห็นรูปร่างของอวัยวะเพศชัดมากเกินไป

5.แบบตึง [TIGHT] แบบนี้จะตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะมากทำให้ไม่มีผิวหนังห้อยๆ บริเวณขอบของอวัยวะเพศในระยะอ่อนตัวเวลาใส่กางเกงในหรือกางเกงว่ายน้ำก็จะ เห็นรูปร่างหัวอวัยวะเพศชัดเจน เวลาที่แข็งตัวจะไม่สามารถขยับผิวหนังขึ้นลงได้

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  1. เตรียมตัวหยุดงาน 3-7 วัน ขึ้นกับชนิดของเทคนิคที่ทำ
  2. ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร ถ้าทำโดยการฉีดยาชา
  3. งดยาต้านการอักเสบ [NSAID] เช่นแอสไพริน อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดเช่นกระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
  4. กรณีที่มี โรคประจำตัว เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  5. ทำความสะอาดและโกนขนอวัยวะเพศก่อนมาผ่าตัดควรเลือกกางเกงในสีเข้ม เช่น ดำ ,น้ำเงิน ,น้ำตาล เพราะน้ำเหลืองจากแผลจะเลอะกางเกงในเห็นได้ชัด
  6. เตรียมกางเกงชั้นในหลวมๆสำหรับใส่หลังผ่าตัด
  7. เตรียมอุปกรณ์ที่ทำแผลได้แก่
    a.น้ำเกลือล้างแผล
    b.เบตาดีน (ห้ามใช้ทินเจอร์ ไอโอดีน หรือแอลกอฮอลล์)
    c.ผ้าก๊อส
    d.ไม้พันสำลี
    e.พลาสเตอร์ปิดแผล
    f.กอสกันติดแผล อาจใช้ Sofatulle หรือ ER gotulle

ขั้นตอนการผ่าตัด

ในบางคนไม่จำเป็นต้องโกนขนอวัยวะเพศก็สามารถทำการผ่าตัดได้ แนะนำให้โกนขนอวัยวะเพศ ก่อนผ่าตัดเพราะหลังผ่าตัดต้องมีการดูแลแผลผ่าตัด รอบๆด้วยผ้าก๊อสและปิดพลาสเตอร์ ถ้ามีขนอวัยวะเพศจะทำให้การติดพลาสเตอร์ทำได้ยาก และเวลาแกะพลาสเตอร์ก็อาจติดบริเวณขนทำให้
เจ็บมากเวลาเปิดทำแผล

1. การผ่าตัดทำโดยการฉีดยาชาที่โคนอวัยวะเพศ
2. ตัดผิวหนังส่วนเกินตามที่ต้องการ
3. หยุดเลือดที่เนื้อเยื่อด้านในของแผล
4. เย็บปิดแผลโดยใช้ไหมละลาย

การดูแลหลังการผ่าตัด

  1. ปกติแผลจะหายประมาณ 1-3 อาทิตย์ (ในเด็กเล็กแผลหายประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ในผู้ใหญ่และเด็กโตหายประมาณ 3 อาทิตย์)
  2. ทำแผลทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง โดนเอาผ้าก๊อสเดิมออก ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือเช็ดคราบสกปรกออกแล้วทาเบตาดีน แล้วปิดแผลด้วยก๊อสป้องกันการติดแผล [SOFATULLE]เวลาแกะผ้าพันแผลครั้งต่อไปก็จะไม่เจ็บ
  3. ใน 24 ชั่วโมงแรกถ้ามีเลือดออกให้ใช้ผ้าก๊อสพันแผลและกดตำแหน่งที่มีเลือดออกไว้ 10 นาทีหรือจนกว่าเลือดจะหยุด
  4. ในวันแรกหลังผ่าตัดอาจใช้แผ่นประคบเย็นหรือน้ำแข็งประคบบริเวณแผล (ทุก 20 นาที) เพื่อลดอาการบวมและอาการปวด
  5. การอาบน้ำหรือใช้ฝักบัวสามารถ ทำได้ในวันที่ 2 หรือ 3 หลังการผ่าตัดหลังจากอาบน้ำเช็ดแผลให้แห้งโดยเร็ว
  6. ในบางคนถ้าไม่ต้องการให้แผลถูกน้ำเพราะอาจจะเจ็บแผลได้ อาจใช้การเช็ดตัวหรือใช้
    ถุงพลาสติกเวลาอาบน้ำ
  7. ระวังเวลาปัสสาวะ อย่าให้ถูกผ้าก๊อสพันแผล ถ้าผ้าพันแผลเปื้อนปัสสาวะให้เปลี่ยนได้ทันที
  8. หลีกเลี่ยงการดูภาพยนตร์หรือหนังสือที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศและทำให้เกิดการแข็งตัว เพราะจะทำให้เจ็บแผลผ่าตัดได้มาก
  9. ยาแก้ปวดทานได้ทุก 4 ชั่วโมง
  10. แผลจะปวดมากและตึงมากถ้ามีการแข็งตัว ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
    การแข็งตัว ตอนเช้ามักทำให้ปวดแผลมาก
  11. ไม่ต้องตัดไหม เพราะมักใช้ไหมละลาย ในอาทิตย์ที่ 3 ไหมจะหลุดเอง
  12. งดการร่วมเพศจนกว่าแผลจะหายสนิท